ประวัติสังฆานุกร ยอห์น บอสโก พูลทรัพย์ ลีนานุรักษ์
ชื่อนักบุญ : สังฆานุกร ยอห์น บอสโก พูลทรัพย์ นามสกุล ลีนานุรักษ์
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2519
สังกัด : วัดกาลหว่าร์ แม่พระลูกประคำ
สังฆมณฑล : อัครสังฆสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
บิดาชื่อ : เอากุสติน เกษม ลีนานุรักษ์(เสียชีวิต)
มารดาชื่อ : เทเรซา ปริญดา อมรสิริสมบูรณ์
ประวัติการศึกษา
ประถมศึกษา : โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
มัธยมศึกษาตอนต้น : โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
มัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนกิตติพาณิชย์
อุดมศึกษา : มหาวิทยาลัยเอแบค (บริหารธุรกิจคอมพิวเตอร์)
มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เซี่ยเหมิน ภาษาศาสตร์ (การศึกษา)
วิทยาลัยแสงธรรม ศิลปศาสตรบัณฑิต (ปรัชญาและศาสนา)
ประวัติการรับหน้าที่ศาสนบริกร
18 สิงหาคม 2018 :
รับการแต่งตั้งเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์ ณ สามเณราลัยแสงธรรม
โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์
พระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
17 สิงหาคม 2019
รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยพิธีกรรม ณ สามเณราลัยแสงธรรม
โดยพระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา
พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลอุบลราชธานี
9 มกราคม 2021
รับการแต่งตั้งเป็นสังฆานุกร ณ สามเณราลัยแสงธรรม
โดยพระคาร์ดินัล ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช
พระอัครสังฆราชแห่งสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ที่มาของกระแสเรียก
“ตามแม่ไปวัดเพื่อร่วมมิสซาภาษาจีนตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้เข้าใจภาษาเลย ป. 3 เป็นเด็กช่วยมิสซา และคุณแม่ส่งเสริมให้ไปเข้าค่ายกระแสเรียกอยู่เสมอ มีความชอบแต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเข้าบ้านเณร” จนกระทั้ง
โตขึ้นจนไม่สามารถเข้าบ้านเณรเล็กได้ จึงได้เลิกคิดถึงกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ จึงเรียนไปเรื่อยๆ จนจบระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ บริหารธุรกิจ เอกคอมพิวเตอร์ เรียนจบแล้วทำงานในบริษัท 6 ปี และได้ไปศึกษาภาษาจีนที่ประเทศจีน ที่นั้นได้เห็นความกระตือรือร้นของเพื่อนๆ ต่างชาติที่เป็นทั้งคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ จึงตั้งใจว่ากลับมาเมืองไทยแล้วจะช่วยงานวัดให้มากขึ้น และเมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยได้พบกับพ่ออาดรีอาโน ได้ชักชวนให้มาเป็นพระสงฆ์ธรรมทูตไทย จึงได้ตัดสินใจเข้าบ้านเณร
เข้ามาสัมผัสชีวิตคณะธรรมทูตไทย โดยช่วงแรกคุณพ่ออาดรีอาโนได้ให้มาพบทุกเดือนเพื่อไตร่ตรองชีวิตกระแสเรียก และได้เข้ารับการอบรมจิตตารมณ์ธรรมทูต (PMG) จากนั้นไปใช้ชีวิตการเตรียมตัวเข้าบ้าณเณรกับคุณพ่อประสิทธิ์ที่เชียงแสน 1 ปี ก่อนเข้าบ้านเณรในปีต่อมา
คติพจน์ “จงมีความรักเถิด เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” (1ยน 4:19)
ความในใจพระสงฆ์ใหม่
เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต กระแสเรียกที่ได้นี้เป็นสิ่งน่าพิศวงอย่างหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเริ่มมาจากตอนไหน? เมื่อพบกับคุณพ่ออาดรีอาโนอธิการเจ้าคณะธรรมทูตไทย? เมื่อได้พบกับความกระตือรือร้นของคริสตชนประเทศอื่นๆ ขณะที่เรียนอยู่ที่ประเทศจีน? การปลูกฝังและคาดหวังจากที่บ้านในวัยเด็ก? หรือแม้แต่ที่คุณแม่เล่าให้ฟังว่าสวดขอถวายให้พระตั้งแต่อยู่ในท้อง? ในวัยเด็กถึงแม้ทางบ้านจะสนับสนุนให้เข้าบ้านเณร แต่ก็ไม่สนใจเพราะติดเล่น และรู้สึกว่าพระสงฆ์เป็นเรื่องพิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ และต้องมีความศรัทธามากๆ ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนศรัทธาถึง แม้จะไม่ได้เข้าบ้านเณรแต่ก็ได้รับการปลูกฝังความเชื่ออย่างดี คอยดึงผมให้เข้าวัดและอยู่ร่วมกิจกรรมของที่วัดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง กระแสเรียกของผมนั้นอิทธิพลของที่บ้านมีสูงมากทีเดียว
ตัวผมเองเริ่มหันมาสู่หนทางของพระมากขึ้นตอนไปเรียนที่ประเทศจีน ได้พบกับคริสตชนที่มาจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ได้พบกับความมีชีวิตชีวาและทุ่มเทให้กับงานของพระ จึงเกิดแรงบันดาลใจว่าเมื่อกลับเมืองไทยจะทำงานให้พระมากขึ้นในฐานะฆารวาส แล้วก็ได้พบกับคุณพ่ออาดรีอาโน ได้สัมผัสชีวิตธรรมทูตและติดตามกระแสเรียกแบบ Late vocation ได้พบกับผู้คนที่ดี ทั้งคุณพ่อและเพื่อนพี่น้องในคณะ คุณพ่อและสัตบุรุษตามวัดต่างๆที่ไปทำงานอภิบาล แม้แต่คนที่เราไปทำงานอภิบาลด้วยก็คอยชี้แนะและให้กำลังใจมากมาย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ตัวผมเองยังมีความบกพร่องที่จะต้องแก้ไขอยู่อีกมาก จนบางครั้งก็กลัวที่จะเดินตามกระแสเรียกนี้ กลัวว่าตัวเองจะเป็นพระสงฆ์ที่ดีไม่ได้ตามแบบคุณพ่อหลายๆ คนที่เคยเจอ แต่ก็ได้กำลังใจจากคุณพ่อที่แนะนำฝ่ายจิตเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำพูดที่ว่า “เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครเหมาะจะเป็นพระสงฆ์หรอก มีแต่ต้องอาศัยพระเจ้าทรงช่วยเหลือ จึงทำได้” กระแสเรียกแท้จริงแล้ว หลักใหญ่คือพระเจ้าเป็นผู้เรียก เรามนุษย์ผู้อ่อนแอและบกพร่องทำได้เพียงตอบรับกระแสเรียกนั้นอย่างซื่อสัตย์ เราจะพบว่าในบทคำสัญญาของผู้สมัครบวชก็มีเขียนไว้ด้วยว่า “ทั้งนี้ โดยที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือ” จึงทำให้ผมมีกำลังใจมากยิ่งขึ้นที่จะเดินตามกระแสเรียกนี้
“ขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งที่ทรงจัดเตรียมไว้ให้ข้าพเจ้า และขอให้ข้าพเจ้าได้สรรเสริญพระองค์ทุกวันตลอดชีวิต”