ก้าวน้อยๆวันนี้ เพื่อก้าวที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

วันนี้ผมได้นั่งรถขึ้นไปจังหวัดกำปงชนัง จังหวัดทางตอนใต้ของตนเลสาบ

จังหวัดนี้อยู่ในเขตมิสซังพระตะบอง ติดกับเขตทำงานของผมซึ่งอยู่สุดเขตพนมเปญทางเหนือ ผมไม่ได้แวะเข้าจังหวัดนี้หลายปีแล้ว เพราะโควิด ระหว่างนั่งรถไปคุณพ่อดาวิด พระสงฆ์ฟีเดโดนุม ช่วยขับรถให้ รถวิ่งมาทางหลวงเลข 5 สายขึ้นพระตะบอง ขณะที่ผ่านหมู่บ้านเปรกตาแตน ทำให้ผมอดคิดถึงไม่ได้ ถึงการทำงานธรรมทูตที่นี่ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สมัยนั้น เมืองหลวงยังไม่ขยาย หลังจากสองมิสซาเช้าเย็นวันอาทิตย์ ที่วัดชานเมืองหลวง เวลาก็เย็นแล้ว แต่ผมตัดสินใจ ขี่มอร์เตอร์ไซด์เก่าๆ ออกมาอีกประมาณ 30 กม. ออกจากเขตเมืองหลวง ข้ามมาจังหวัดกอนดาล ในเขตอำเภอโปเยียลือ เพื่อสอนคำสอนวันอาทิตย์ให้ลูกหลานคริสตัง ครอบครัวหนึ่ง ที่ไม่ได้เรียนคำสอนเลย เพราะหนทางไกลวัดมาก
ความเสี่ยงคือเวลากลับ เพราะสมัยนั้นเป็นทางเปลี่ยวและแคบ ถนนไม่มีไฟฟ้า ไฟหน้ารถก็ไม่สว่างพอ ดังนั้น ผมต้องหาตัวช่วย ก็คือ ต้องขี่ตามรถยนต์คันหน้า ซึ่งเขาก็ขับกันเร็ว จนมาถึงเขตที่มีไฟทาง จึงขับตามความเร็วปกติ ผมทำแบบนี้ อยู่ปีกว่า ก็ไปเรียนต่อ ขอบคุณพระเจ้า ที่คุณพ่อองค์ต่อๆมาก็มารับช่วงต่อ จนปัจจุบัน เรามีโรงเรียนอนุบาล และเริ่มมีคนรับศีลล้างบาป ก้าวน้อยๆ ก้าวแรกในวันนั้น ได้กลายเป็นก้าวที่ใหญ่ขึ้น ในวันนี้…ขอขอบคุณพระเจ้า
มาวันนี้ เรามีถนนสี่เลนส์ จากพี่ใหญ่จีนช่วยสร้างให้ และกำลังขยายต่อไป จนกระทั่งทางหลวงเส้น เลขห้านี้ จะเป็นสี่เลนส์ทั้งหมด ไปถึงปอยเปต ชายแดนไทย ซึ่งก็คงอีกไม่นาน กลับมาที่เป้าหมายการเดินทางวันนี้ คือ จ.กำปงชนัง คำว่า “ชนัง” ตามชื่อ คือแปลว่า “หม้อ” หรือ “ไห” ดังนั้นถ้าพี่น้องได้มาจังหวัดนี้ ได้เห็นอนุสาวรีย์หม้อไห ก็เป็นอันว่า ถึงจังหวัดกำปงชนังแล้วครับ
วัดคาทอลิกในเขตนี้ เริ่มด้วยงานเมตตาธรรมเหมือนกัน จากองค์การมนุษย์ใหม่(New Humanity) ซึ่งเป็นองค์การของคณะปีเม จากอิตาลี ซึ่งปัจจุบันได้ปิดองค์การนี้ไปแล้วในกัมพูชา แต่ได้เกิดวัดใหม่ มีเจ้าอาวาสดูแลเต็มตัว ซึ่งปัจจุบันคือ คุณพ่อหลุยส์ จากคณะเยโรมาล มิชชั่นนารีจากโคลัมเบีย
วันนี้เรามาร่วมงานเปิดโรงเรียนประถมศึกษา ของซิสเตอร์คณะโปรวิดองซ์(พระญาณเอื้ออาทร) แห่งโปซเยอร์ ผู้ก่อตั้งคณะคือ คพ.ยัง มาตัง มอย(Jean-Martin Moye–1793) เมื่อสองเดือนที่แล้ว ผมได้เล่าถึง คณะซิสเตอร์เมื่อตอนมีพิธีถวายตัวตลอดชีพ มาวันนี้ คณะฯได้ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง คือ ได้เปิดโรงเรียนพระญาณเอื้ออาทร ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากสัตบุรุษชาวเวียดนามในประเทศอเมริกา เพื่อจัดซื้อที่ ดินและงบประมาณช่วยก่อสร้างโรงเรียน โรงเรียนแห่งนี้มีสองชั้น เปิดการสอนในระดับชั้นประถมศึกษา มีพระคุณเจ้ากีเก้ พระคุณเจ้าโอลีเวียร์ ได้มาร่วมเปิด พร้อมเจ้าหน้าที่ราชการ
ผมคิดถึงพันธกิจของคณะนี้ก่อนสงคราม ช่างยิ่งใหญ่มาก เพราะเคยมีซิสเตอร์ที่ทำงานในประเทศ กัมพูชาเกือบร้อยคน ส่วนใหญ่จะทำงานตามวัด ซิสเตอร์อีกส่วนหนึ่งดูแลโรงเรียน ซึ่งก็เป็นโรงเรียนใหญ่ ใจกลางเมืองหลวง (แต่ปัจจุบันเป็นของรัฐหมดแล้ว) สมาชิกคณะฯบางคนได้กลับมาหลังจากเปิดประเทศ และ ค่อยๆทำงานใหม่ โดยมีคุณธรรมของคณะคือ “ความเรียบง่าย ความยากจน ความใจดีมีเมตตา และการพึ่งพระเจ้าหมดสิ้นกายใจ” ผู้สถาปนาคณะฯ ไม่เน้นความสำเร็จภายนอก แต่ให้กิจการทุกวัน ได้ทำงานภายใต้ พระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า ที่จะจัดการทุกสิ่งอย่าง เพื่องานของพระองค์จะได้สำเร็จไป
งานด้านการอบรม เป็นงานสร้างพระศาสนจักรที่สำคัญ ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็น “วันผู้เลี้ยงแกะที่ดี”(Bonus Pastor) หรือ “วันกระแสเรียกสากล” ผมได้เปิดวัด ให้เป็นสถานที่อบรมเด็กเยาวชนคาทอลิก เพื่อเตรียมเข้าบ้านเณร ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 คนแล้ว ถ้าการหว่านเล็กๆ นี้ได้ผล ก็จะเป็นก้าวยิ่งใหญ่ ต่อไป นั่นอาจหมายถึง อาจจะมีบ้านเณรเล็ก เพื่อเตรียมตัวพวกเขา และในฝ่ายนักบวชหญิง ซึ่งมีอยู่หลายคณะ และมีพระพรแตกต่างกันไป ผมก็เปิดให้ทุกคณะฯ ที่อยากจะได้มีโอกาส ได้อบรมเยาวชนหญิงของเรา เผื่อว่า จะมีใครสักคน ได้มีกระแสเรียกนักบวชหญิงบ้าง
เมื่องานอบรม เป็นงานสร้างคน สร้างกลุ่มคริสตชน ที่มีความเชื่อแล้ว พวกเขาก็ควรจะมีสถานที่เหมาะสม สำหรับภาวนาและถวายสักการะแด่พระเจ้า ดังนั้น งานก่อสร้างวัด ก็เป็นงานที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันมาจากการเรียกร้องจากสัตบุรุษอย่างแท้จริง วันนี้ผมขอแจ้งความคืบหน้า งานสร้างพระวิหารในกรุงพนมเปญว่า ได้คืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง คือ การเทพื้น ชั้นหนึ่งหรือชั้นกราวด์(ground) ต่อจากชั้นใต้ดิน ในขณะเดียวกัน งานด้านปั้มและท่อน้ำ ก็วางติดตั้งไปด้วย พี่น้องอาจบริจาคทำบุญสร้างวัดได้(ซึ่งมีไม่บ่อยนัก)ผ่านทาง ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb bank) ชื่อบัญชี ชัชชัย รวมอร่าม เลขบัญชี 213-2-38029-2
งานธรรมทูต ต้องฟังเสียงเรียกร้อง จากเครื่องหมายแห่งกาลเวลา และผมก็ฟังเสียงนี้เสมอ ผ่านทางผู้ใหญ่ แม้บางสิ่งจะดูเหมือนยากจนเกินกำลังความสามารถ อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอขอบคุณพี่น้อง ที่สนับสนุนงานประกาศพระวรสาร ในทุกแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะผ่านทางคณะธรรมทูตไทย และที่นี่ ที่กัมพูชา ที่กำลังเริ่มก้าวเล็กๆ ในหลายๆ งาน ผ่านทางคำภาวนา กำลังใจ กำลังทรัพย์ มันก็อาจจะเป็นก้าวใหญ่ ของพระศาสนจักรท้องถิ่นต่อไปในอนาคตได้นะครับ